วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประเภทของหลอดไฟ กับแสงสีที่ได้

ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา แอดมินได้มีโอกาสไปเดินชมศูนย์การค้าจำหน่ายของตกแต่งบ้านหลายๆแห่ง โดยเน้นในการเลือกชมโคมไฟ เพื่อต้องการนำมาจัดสวนข้างบ้านตนเอง หลังจากเลือกโคมไฟได้ดั่งใจหวัง แน่นอนว่าต้องเลือกซื้อหลอดไฟแยกต่างหาก พนักงานจึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า ต้องการหลอดไฟประเภทใด จึงได้ถามกลับไปว่า มีแบบใดบ้าง จึงได้คำตอบมาว่า มีแบบ Warm White และ Daylight จึงมีคำถามขึ้นภายในใจ หากบุคคลทั่วไป ที่อาจไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนที่จะเลือกซื้อ อาจทำให้มึนงงกันได้ ว่าทั้งสองชนิดนี้ มันแตกต่างกันอย่างไร มีแค่สองแบบหรือมีแบบอื่นอีกหรือไม่ จึงเป็นที่มาของบทความเล็กๆ น้อยๆ ไว้เป็นความรู้คู่บ้านกันนะครับ


ประเภทของแสงหลอดไฟ
1. วอร์มไวท์ (Warm White) ให้โทนแสงนวลตา เป็นสีโทนอุ่น ให้ความสว่างไม่มากนัก ออกสีทองส้ม เหมาะกับการใช้เพื่อประดับตกแต่งมากกว่าเน้นการมองเห็น ประยุกต์ใช้ร่วมกับการจัดสวนได้ดี แสงวอร์มไวท์ จะสะท้อนกับวัสดุให้แสงสีทอง ทำให้บริเวณพื้นที่ดูงดงามขึ้นมาทันตาเห็น หากนำไปใช้ตกแต่งภายใน เหมาะกับแสงภายในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องที่ใช้ในการพักผ่อน ไม่เพียงแค่สร้างความอบอุ่นเท่านั้น แต่แสงชนิดวอร์มไวท์ ยังให้ความรู้สึกโรแมนติก ผ่อนคลายอีกด้วยนะ สถานที่พักต่างๆ จึงนิยมใช้หลอดไฟชนิดนี้มาตกแต่งกัน

2. เดย์ไลท์ (Day Light) โทนแสงสว่างตา เป็นโทนแสงเดียวกับแสงกลางวัน ให้แสงสว่างสูง ออกไปในโทนสีฟ้า มองเห็นได้ชัด ให้ความรู้สึกสดใส กระฉับกระเฉง ตื่นตัว ประยุกต์ใช้กับการทำงานเป็นหลัก เช่น ห้องทำงาน ภายในออฟฟิศ สำนักงาน ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องนอน ในมุมที่ต้องการแสงสว่างอย่างเพียงพอ อาทิเช่น มุมอ่านหนังสือ มุมทำงาน อาจเรียกได้ว่า เป็นชนิดหลอดไฟที่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากที่สุดก็ว่าได้ เนื่องด้วยคุณสมบัติที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน สามารถนำไปใช้ได้ทุกๆงาน

3. คูลไวท์ (Cool White) โทนแสงระหว่าง วอร์มไวท์และเดย์ไลท์ เรียกได้ว่า หากใครต้องการความเป็นกลาง เลือกไม่ถูกระหว่าง 2 ตัวเลือกก่อนหน้านี้ คูลไวท์อาจเป็นอีกหนึ่งคำตอบได้เป็นอย่างดี ระดับแสงคูลไวท์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้ทุกรูปแบบ ทั้งภายในและภายนอก ลดความอุ่นของแสงสีส้ม และลดความสว่างของแสงเดย์ไลท์ ทำให้เกิดความสมดุล ลักษณะเป็นแสงสีขาวนวลตา
รู้จักกันไปครบทั้ง 3 แบบแล้ว ทั้งนี้ การเลือกซื้อนำมาใช้งานจริง ก็ไม่ได้มีทฤษฎี หรือกฏเกณฑ์ใดตายตัว ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวล้วนๆเลยหละครับ อาจสรุปง่ายๆ หากต้องการแสงไฟสำหรับการพักผ่อน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เลือกมาทางฝั่ง Warm White แต่หากต้องการเน้นแสงสว่าง เน้นใช้ทำงาน มองเห็นอย่างชัดเจน เลือกมาทาง Day Light และหากลังเลใจ ก็จัด Cool White ไปเลยครับ

การเลือกซื้อดอกสว่านให้ถูกประเภท

การเลือกซื้อดอกสว่านให้ถูกประเภท ให้เหมาะสมกับการใช้งาน จะทำให้ประหยัดเวลาในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพของงานนั้นๆให้ดียิ่งขึ้นด้วย จะเห็นได้ว่ามีความจำเป็นอย่างมากเลยนะคะ
     ดอกสว่านเจาะ (Drill bit) จะมีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นลำตัว และส่วนปลายที่เป็นเกลียว ซึ่งจะมีอยู่หลายประเภท แต่หากแบ่งตามประเภทของการใช้งาน เราสามารถแบ่ง ดอกสว่านออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้คือ
1. ดอกสว่านสำหรับเจาะไม้ หากสังเกตบริเวณส่วนปลายแหลมจะมีหัวเกสรแหลมๆขึ้นมา ซึ่งจะช่วยในการนำศูนย์ และลดการแกว่งขณะเจาะไม้คะ
2. ดอกสว่านสำหรับเจาะคอนกรีต ลักษณะของดอกสว่านจะเป็นเกลียวบิด ส่วนปลายดอกสว่านจะเป็นเหล็กแข็ง ลักษณะปลายดอกจะบานเพื่อรับแรงกระแทก ขณะเจาะคอนกรีตแข็งคะ
3. ดอกสว่านสำหรับเจาะโลหะ ลักษณะดอกสว่านจะเป็นเกลียวตัดตลอดดอก ปลายดอกสว่านจะแหลม ซึ่งมีไว้สำหรับจิกชิ้นงานโลหะคะ

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ผัด แกง ทอด ใช้ “น้ำมัน” แบบไหนดีต่อสุขภาพที่สุด?

ใครที่กำลังดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างขะมักเขม้น อาจกำลังตุนน้ำมันมะกอกเอาไว้ที่บ้านเป็นลังๆ แล้วโละเอาน้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม น้ำมันพืชออกจากห้องครัวไป แต่จริงๆแล้ว ขอบอกเลยว่าคุณกำลังทำผิดอย่างมหันต์! เพราะใช่ว่าน้ำมันมะกอกจะใช้ประกอบอาหารได้ดีทุกประเภท และน้ำมันหมูจะไม่ดีต่อสุขภาพเสมอไป
น้ำมันแบบไหน ใช้ประกอบอาหารวิธีใดถึงจะดีต่อสุขภาพ มาดูกันค่ะ
1. การทอด 

จะทอดหมู ไก่ เนื้อ ปลา หรือแม้กระทั่งผักชุบแป้งทอด กรรมวิธีในการทอดจำเป็นต้องใช้น้ำมันในปริมาณมาก ในความร้อยเดือดระอุ และมักใช้เวลานานกว่าอาหารที่เราทอดจะสุกแบบกรอบนอกนุ่มใน ดังนั้นน้ำมันที่เราใช้ควรเป็นน้ำมันที่เหมาะกับการกักเก็บความร้อนได้ยาวนาน ทนต่อความร้อนได้ดี
น้ำมันที่แนะนำ : น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์มผสมคาโนล่า น้ำมันรำข้าว และน้ำมันมะกอกเอ๊กซ์ตร้าไลท์ (extra light)
2. การผัด 

การผัด คือการทำอาหารลงไปในกระทะ แล้วทำให้สุกด้วยเวลาอันรวดเร็ว ทั้งข้าวผัด ผัดกระเพราะ ผัดผักต่างๆ ดังนั้นอาหารที่ใช้ในการผัดมักเป็นอาหารที่สุกไว ชิ้นเล็ก ใช้ความร้อน ปริมาณน้ำมัน และเวลาในการทำไม่นานมาก น้ำมันที่ใช้จึงสามารถเลือกเป็นน้ำมันที่ไม่จำเป็นต้องทนต่อความร้อนสูงมากเท่าตอนทอด
น้ำมันที่แนะนำ : น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก
3. สลัดและน้ำจิ้ม 

หากคุณเป็นสายสุขภาพตัวจริง อาจเลี่ยงการทานอาหารระเภท ผัด ทอด เพราะอยากหลีกเลี่ยงไขมันที่ไม่ดีให้มากที่สุด แล้วหันมาทานสลัด หรืออาหารต้มๆ ลวกๆ เคียงข้างด้วยน้ำจิ้ม ซึ่งอาหารประเภทนี้อาจมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ด้วย เพื่อคุณค่าทางสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นตัวทำละลายส่วนผสม และเพิ่มรสชาติที่ดีให้กับอาหาร
น้ำมันที่แนะนำ : น้ำมันมะกอกเอ๊กซ์ตร้าเวอร์จิ้น (extra virgin) และน้ำมันงา
ทั้งนี้ ในการเลือกใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร ถึงแม้ว่าเราจะย้ำว่าไขมันยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย แต่ก็อย่าทานมากจนเกินไปค่ะ ปริมาณที่แนะนำคือ ไม่เกิน 65 กรัม หรือ 13-16 ช้อนชาต่อวันนั่นเอง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอาหารประเภททอดที่ใช้น้ำมันท่วมกระทะ นานๆ ทานได้ แต่อย่าทานบ่อยนะคะ


ที่มา : Sanook
Photo : Google

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประโยชน์และโทษของเงาะ

เงาะ เป็นผลไม้รสหวานและอมเปรี้ยว และถือว่าเป็นผลไม้ดับร้อนก็ว่าได้ เพราะเนื้อข้างใน เมื่อทานแล้วจะสร้างความเย็นฉ่ำให้กับร่างกายได้ สำหรับเงาะที่นิยมทานกันมีสองพันธุ์ คือ เงาะโรงเรียนผลรูปไข่ เปลือกสีแดงสดมีขนยาวสีเขียว เนื้อแห้ง แน่นหนา และอีกพันธุ์หนึ่งคือเงาะสีชมพู ผลค่อนข้างกลม เปลือกสีแดงอมชมพู ขนปลายแหลม เปลือกแกะออกได้ง่าย เมล็ดเล็กรูปรี โดยเงาะทั้ง2 พันธุ์นี้ คุณค่าทางโภชนาการ และคุณประโยชน์ต่อร่างกาย นั้นมากมายเลยทีเดียว
เงาะอุดมด้วยวิตามินC B1 B2 คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และไนอาซีน ช่วยทำให้ผิวพรรณสวยงาน แกะเมล็ดออกแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น จะได้รสชาติที่แตกต่างไปอีกแบบหนึ่ง ส่วนเงาะกระป๋องชนิดที่สอดไส้ด้วยสับปะรดหั่นพอคำนิยมเสริฟพร้อมน้ำแข็ง รสหวาน เย็น ชื่นใจ
ว่ากันว่า ทานเงาะ 6 ลูก ให้พลังงานได้ถึง 50 หน่วยพลังงานแคลอรี่ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ดังที่ USDA Nutrient database ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า
  • คาร์โบไฮเดรต 20.87 กรัม
  • เส้นใย 0.21 กรัม
  • ไขมัน 0.65 กรัม
  • โปรตีน 2.5 กรัม
  • วิตามินบี1 0.013 มิลลิกรัม 1%
  • วิตามินบี2 0.022 มิลลิกรัม 2%
  • วิตามินบี3 1.352 มิลลิกรัม 9%
  • วิตามินบี6 0.02 มิลลิกรัม 2%
  • วิตามินบี9 8 ไมโครกรัม 2%
  • วิตามินซี 4.9 มิลลิกรัม 6%
  • ธาตุแคลเซียม 22 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุเหล็ก 0.35 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุแมกนีเซียม 7 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุแมงกานีส 0.343 มิลลิกรัม 16%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 9 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุโพแทสเซียม 42 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุสังกะสี 0.08 มิลลิกรัม 1%
โดยค่า % ที่เห็นอยู่นั้น คือร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่
ประโยชน์ของเงาะ
การรับประทานเงาะสดนั้น นอกจากจะได้คุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังมีประโยชน์ ทั้งยังเป็นยารักษาโรคได้ โดย
  • มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
  • สรรพคุณช่วยรักษาอาการอักเสบในช่องปาก
  • ช่วยแก้อาการท้องร่วงรุนแรงได้อย่างได้ผล
  • สรรพคุณของเงาะ ช่วยรักษาโรคบิดท้องร่วง
  • ใช้เป็นยาแก้อักเสบ
  • ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • ประโยชน์ของเงาะ สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างได้มากมาย เช่น การทำเงาะกระป๋อง เงาะกวนเปลือก เป็นต้น
  • เงาะมีสารแทนนิน ซึ่งนำมาใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนัง ย้อมสีผ้า บำบัดน้ำเสีย ทำปุ๋ย และกาว เป็นต้น
  • สารแทนนิน (tannin)ช่วยป้องกันแมลง ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ใช้ทำเป็นยารักษาโรค
ข้อควรระวังในการทานเงาะ
อย่างที่รู้กันว่า อะไรที่มากเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่ดี และมันจะมีโทษ อย่างการทานเงาะก็เช่นกัน เงาะมีสารแทนนิน (Tannin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่การรับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้ท้องอืดหรือท้องผูกได้
และอีกสิ่งที่ควรระวังคือเมล็ดเงาะ เพราะเมล็ดเงาะมีพิษ ห้ามรับประทานเพราะอาจจะมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และมีไข้ได้ ถึงแม้จะนำไปคั่วจนสุกแล้วก็ตามก็ยังเป็นอันตรายอยู่ดีเพราะฉะนั้นควรรับประทานอย่างพอประมาณ และทานเฉพาะในส่วนที่ทานได้ เพื่อที่ร่างกายจะได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

5 เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จิบก่อนนอน

ใครที่มักจะรู้สึกหิวตงิด ๆ ก่อนเข้านอน แต่ก็ไม่อยากกินอาหารหนัก ๆ เพิ่มแคลอรีให้ร่างกาย อยากแนะนำให้ลองเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ 5 แก้วนี้ ที่จะช่วยให้เรานอนหลับสบาย แถมยังมีประโยชน์ช่วยลดน้ำหนักก็ได้อีก !
1. นม
 นมอุ่น ๆ สักแก้วก่อนนอน ให้โปรตีนสูงมาก จึงช่วยให้รู้สึกอิ่มอยู่ท้องแบบสบาย ๆ อีกทั้งในน้ำนมยังอุดมไปด้วยแคลเซียมและทริปโตเฟน ที่จะช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ตื่นเช้ามาเราก็จะรู้สึกสดชื่น


2. น้ำมะนาวอุ่นๆ
สำหรับคนที่ถ่ายยาก มีปัญหาท้องผูกอยู่เป็นประจำ อยากให้ลองดื่มน้ำมะนาวก่อนนอนดูสักแก้ว โดยผสมน้ำมะนาว 1 ลูก กับน้ำอุ่น 1 แก้ว คนให้เข้ากันแล้วดื่ม วิธีนี้จะช่วยแก้ท้องผูกได้เป็นอย่างดี และสิ่งตกค้างในลำไส้ก็จะลดลง ซึ่งเมื่อระบบขับถ่ายดี ก็จะส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักของเราด้วย


3. ชาคาโมมาย
ชาคาโมมายล์จะช่วยเพิ่มระดับของไกลซีน ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและช่วยให้นอนหลับสนิทยิ่งขึ้น นอกจากนี้ชาคาโมมายล์ยังมีสรรพคุณช่วยคงระดับกลูโคสในร่างกาย ส่งผลให้ในตอนเช้าที่ตื่นมา ร่างกายก็จะไม่รู้สึกหิวโหยเหมือนคนอดนอน ลดความเสี่ยงในการกินอาหารอย่างไม่แคร์ความอ้วนได้เป็นอย่างดี



4. น้ำองุ่นแท้ 100%
แม้ใครจะบอกว่าดื่มน้ำผลไม้แล้วอาจทำให้อ้วน แต่งานวิจัยเมื่อปี 2015 จาก International Journal of Obesity กลับพบว่า สารเรสเวอราทรอลจากเปลือกองุ่นแดง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยเราเบิร์นแคลอรีส่วนเกินได้ในยามหลับใหล 


5. น้ำผึ้ง
จริง ๆ แล้วน้ำผึ้งมีรสหวาน และมีปริมาณน้ำตาลเชิงเดี่ยว (ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้เร็ว) อยู่มากแต่หากเราดื่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1 แก้วก่อนนอน เครื่องดื่มที่ว่านี้จะให้เอนไซม์สำคัญหลากหลายชนิดกับร่างกาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารได้ ดื่มเข้าไปจึงรู้สึกสบายท้อง 
          นอกจากนี้รสหวานจากน้ำผึ้งจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลินและหลั่งเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาได้ จากนั้นเซโรโทนินจะเปลี่ยนตัวเองเป็นเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่พาให้รู้สึกง่วงและรู้สึกอยากนอนหลับได้อีกด้วย

ก่อนนอนคืนนี้ อย่าลืมหาเครื่องดื่มที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพดื่มก่อนนอนสักแก้วนะค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
prevention
organicready
bembu
Photo By Google

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พร้อมเพย์ มาแรง อันตรายที่ใกล้ตัว จริงๆหรือ?

ในช่วงที่ผ่านมาหลายๆคนอาจจะได้ยินคำว่า PROMPT PAY หรือ พร้อมเพย์ กันตามสื่อต่างๆพอสมควร หรือที่เห็นชัดที่สุดที่โฆษณาจากตู้นั้น ATM นั้นเอง สำหรับผู้รู้และผู้ไม่รู้ต้องของอธิบายคราวๆก่อนว่า พร้อมเพย์นั้นคืออะไร
พร้อมเพย์ เป็นบริการทางธุรกรรมรูปแบบใหม่ที่สามารถ บริการโอนเงินและรับเงินโอน โดยผูกบัญชีเงินฝากธนาคารกับ หมายเลขบัตรประชาชน หรือ เบอร์โทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้สะดวกต่อการโอนเงินมากขึ้น  แค่จำหมายเลขบัตรประชาชนปลายทางที่จะโอน หรือจำหมายเลขโทรศัพท์มือถือ  ก็สามารถทำธุรกรรมการโอนได้แล้ว เป็นการลดการใช้เงินสดและหันมาใช้จ่ายผ่านทาง e-payment มากขึ้นนั้นเอง
ว่ากันว่า พร้อมเพย์นั้นอันตราย ในเมื่อเอาเลขประชาชนไปผูกไว้กับบัญชีธนาคาร เอาเบอร์โทรศัพท์ไปใช้ในการโอนเงิน เสี่ยงต่อการถูกแฮคข้อมูลต่างๆรวมทั้งเงินจากในบัญชีด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร เพราะว่า
  1. เลขประจำตัวประชาชนซ้ำนั้นไม่มีอย่างแน่นอน เพราะเป็นเลข primary index ที่จะซ้ำกันไม่ได้
แต่ในกรณีที่พบว่ามีซ้ำกับเลขประจำตัวประชาชน คือ เลขทะเบียนนิติบุคคล ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งซ้ำกันจำนวน 138 รายการ ในจำนวนนั้นมีนิติบุคคลที่เลิกกิจการไปแล้ว 110 รายการ เป็นนิติบุคคลที่ยังดำเนินกิจการ 28 รายการ ซึ่งสองหน่วยงานได้ประสานกันและแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และจะได้มีการจองกันเลขไว้บางส่วนเพื่อใช้กับนิติบุคคลในอนาคต ไม่ให้เกิดการซ้ำกันอีก และยังเป็นการเตรียมพร้อมให้ระบบ National E-Payment สามารถโอนได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลโดยไม่ซ้ำซ้อนกันนั้นเอง
ทั้งนี้เลขที่ซ้ำกัน เป็นเลขประจำตัวประชาชนที่ขึ้นต้นด้วย 0 ซึ่งไม่ได้ใช้ออกให้กับคนไทย
2.เลขประจำตัวประชาชน กับ เบอร์มือถือ จะทำให้เงินหายไปจากบัญชีพร้อมเพย์ได้นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเลขทั้งสองชุดใช้แทนเลขบัญชีธนาคาร ไม่ใช่ใช้เป็นรหัสผ่านอนุมัติเบิกถอนเงิน และในส่วนของผู้ใช้อาจจะต้องปรับพฤติกรรมในการระมัดระวังการใช้งานออนไลน์อย่างปลอดภัยมากขึ้นและควรตรวจสอบยืนยันผู้รับก่อนการโอนเงิน และสนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลก่อนทุกครั้ง
3.เงื่อนไขธนาคาร ในแต่ละธนาคารในการประกาศเงื่อนไข ดังนั้นผู้ใช้สามารถเลือกธนาคารที่มีเงื่อนไขตรงกับความต้องการได้
4.พร้อมเพย์ผูกทุกบัญชี อายัดได้หมดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะพร้อมเพย์ผูกเฉพาะบัญชีที่สมัคร ส่วนการรู้รายได้หรือการอายัดเงินนั้น เป็นสิ่งที่ทางการดำเนินการได้อยู่แล้วหากพบหลักฐานการกระทำผิด
พร้อมเพย์อาจจะเป็นเรื่องใหม่มีทั้งกระแสดีและกระแสลบ ดังนั้นการเลือกใช้บริการ ผู้ใช้ควรศึกษาหาข้อมูลให้รอบด้านเพื่อก้าวทันยุคเทคโนโลยีใหม่แบบนี้ และจะเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจแบบ e-commerce ที่ลูกค้าสามรถใช้จ่ายได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส
By : ภาวิณี กรเกษม

มะขามป้อม วิตามินซีสูง!

มะขามป้อม มีวิตามินซีสูงที่สุดของพืชทุกชนิดในโลก แม้ว่าจะเก็บนาน 1 ปี พบว่ามีการสูญเสียวิตามินซีไปเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น เป็นสมุนไพรยาอายุวัฒนะ บำรุงสายตา บำรุงสมอง ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษโลหะหนัก รักษาโรคลักปิดลักเปิด ผลมีสรรพคุณแก้หวัด แก้ไอละลายเสมหะ แก้กระหายน้ำ ทานผลสดยังช่วยบำรุงเสียงได้อีกด้วย

สรรพคุณทางยา
- ราก น้ำต้มรากของต้นมะขามป้อม กินเป็นยาลดไข้ เป็นยาเย็น ฟอกเลือด และทำให้อาเจียน ถ้ากลั่นรากจะได้สารที่มีคุณสมบัติเป็นยาฝาดสมานที่ดีกว่าสีเสียด
- ต้น เปลือก เป็นยาฝาดสมาน
- ใบ น้ำต้มใบใช้อาบลดไข้
- ดอก มีกลิ่นหอมคล้ายผิวมะนาว ใช้เข้าเครื่องยา เป็นยาเย็นและยาระบาย
- ยางจากผล รสเปรี้ยวฝาดขม หยอดตาแก้อักเสบ กินช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ
- เมล็ด ชงน้ำร้อนกินแก้ไข้ โรคเกี่ยวกับน้ำดี คลื่นไส้ อาเจียน หืด หลอดลมอักเสบ และใช้ล้างตา แก้โรคตาต่างๆ เมล็ดเผาเป็นเถ้าผสมน้ำมันพืช ใช้ทาแก้หิดและแผลตุ่มคันต่างๆ น้ำมันบีบจากเมล็ดใช้ทาศีรษะ ทำให้ผมดกดำขึ้น ทาครั้งแรกๆ ผมเก่าจะหลุดร่วงไป แล้วผมใหม่จะงอกขึ้นมาดกขึ้น

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

10 ประโยชน์ดีๆ ของ “ผักชี”

ที่ญี่ปุ่น “ผักชี” กลายเป็นผักที่หลายนิยมชมชอบกันมาก ทานกันเป็นกำๆ (ทั้งๆที่ผักชีที่บ้านเขาราคาก็ไม่ได้ถูกเท่าบ้านเรา) ขนาดมีนักร้องบอยแบนด์ของญี่ปุ่นร้องเพลง “ผักชีเฮเว่น” (เฮเว่น = สวรรค์) โดยสื่อถึงความคลั่งผักชีของคนญี่ปุ่นนั่นเอง


ถ้าจะพูดถึงรสชาติ คงจะเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ บางคนอาจจะชอบ บางคนอาจจะไม่ชอบ หากพูดถึงประโยชน์ของ“ผักชี” กันแล้ว ขอบอกว่ามีเพียบจนคุณอาจจะต้องหันมาคลั่งผักชีเหมือนกับชาวญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
สารอาหารในผักชี
  • วิตามินเอ
  • วิตามินบี
  • วิตามินซี
  • ธาตุเหล็ก
  • เบต้าแคโรทีน
  • แคลเซียมและอื่นๆ

 ประโยชน์ดีๆ ของ “ผักชี”
1. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก
2. ป้องกันโรคหวัด
3. แก้อาการกระหายน้ำ
4. ต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ในลำไส้
5. ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร
6. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
7. เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ขับถ่ายคล่องมากยิ่งขึ้น
8. แก้อาการวิงเวียนศีรษะ
9. บำรุงสายตา
10. ช่วยกระตุ้นการทำงานของเลือด และกล้ามเนื้อ
 ถึงแม้ผักชีจะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่ค่อนข้างฉุน แต่ไม่ต้องกังวัลไปนะคะ กลิ่นผักชีที่ว่าจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ หากไม่ทานในปริมาณที่มากเกินไป จะไม่ทำให้ตัวเหม็นอย่างที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันแน่นอน แต่ถึงกระนั้น การจะหันมาทานผักชีกันอย่างจริงจังเป็นกำๆ ก็ไม่ควรทานมากเกินไป เพราะไม่ว่าอาหารชนิดใดที่ว่าดี หากทานมากเกินไปก็เป็นโทษได้ทั้งนั้นค่ะ

Photo : Google