วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

น้ำส้มคั้นปลอม หรือ จริง ดูยังไง?


รศ.ดร.พรรัตน์ สินชัยพานิช หัวหน้าหน่วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในการเลือกซื้อน้ำส้มคั้นสดให้ได้ของจริงต้องเลือกร้านที่มีการคั้นสดๆ แต่บางครั้งพบว่าแม่ค้า พ่อค้าเพียงแค่คั้นผลน้ำส้มโชว์เท่านั้น แต่ตอนบรรจุใส่ขวดจะนำน้ำส้มที่มีการปรุงรสรอไว้ในภาชนะแล้วมาให้ลูกค้าแทน จึงต้องสังเกตให้ดีน้ำส้มคั้นแท้ต้องมีเนื้อส้มและกลิ่นของผิวเปลือกส้ม นอกจากนี้วิธีการสังเกตน้ำส้มคั้นแท้ เมื่อคั้นทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่งน้ำจะแยกตัวเป็นชั้น


ที่มา : health Mthai

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

10 ประโยชน์ของ"ขมิ้นชัน"


ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายมักจะถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ราชินีแห่งเครื่องเทศ” ลักษณะที่สำคัญของขมิ้นชันคือมีกลิ่นหอมและมีสีทอง คนทั่วโลกนิยมใช้ในการปรุงอาหาร ในวารสารสมาคมเคมีของอเมริกาได้ระบุไว้ว่า ขมิ้นมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมากที่สามารถต้านไวรัส เชื้อแบคทีเรียเชื้อรา มะเร็งและการอักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่างเช่น โปรตีน ใยอาหาร ไนอาซิน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค โพแทสเซียม แคลเซียม ทองแดง เหล็ก แมกนีเซียมและสังกะสี ด้วยการขมิ้นชันอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย จึงทำให้ขมิ้นชันนิยมถูกนำมาใช้ในการรักษาปัญหาสุขภาพต่างๆ และนี่คือ 10 คุณประโยชน์ของขมิ้นชัน

1. ป้องกันโรคมะเร็ง
ขมิ้นชันสามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่มีอยู่และทำลายเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งอื่นๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว(T-cell) มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม

2.บรรเทาอาการโรคข้ออักเสบ
คุณสมบัติต้านการอักเสบของขมิ้นชันสามารถช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมและโรคไขข้ออักเสบได้ นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระในขมิ้นชันจะไปทำลายอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ของร่างกาย งานวิจัยพบว่าผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบที่กินขมิ้นชันมีอาการบรรเทาลงมาก

3. รักษาโรคเบาหวาน
ขมิ้นชันสามารถช่วยควบคุมให้อินซูลินอยู่ที่ระดับเหมาะสม ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมระดับน้ำตาลและเผลของยาที่ใช้ในการรักษา แต่หากใช้ร่วมกับยาขมิ้นชันอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ดังนั้นควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขมิ้นชันพร้อมกับยารักษาโรคเบาหวาน

4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
การวิจัยได้พิสูจน์แล้วว่าเพียงแค่ใช้ขมิ้นชันเป็นเครื่องปรุงอาหารก็สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้

5. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ในขมิ้นชันมีสารที่เรียกว่า lipopolysaccharide ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงสามารถช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้หลายชนิดไม่ว่าจะเป็นโรคหวัดหรืออาการไอ


6. รักษาบาดแผล
ขมิ้นชันมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อและต้านเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ หากคุณมีแผลจากการโดนมีดบาดหรือแผลไฟไหม้ให้โรยด้วยจผงขมิ้นบริเวณบาดแผลจะทำให้แผลหายเร็วขึ้น นอกจากขมิ้นยังช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงินและอาการอักเสบของผิวหนังอีกด้วย

7. ควบคุมน้ำหนัก
ผงขมิ้นจะมีประโยชน์มากในการรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะ ปัจจุบันนิยมใช้ขมิ้นชันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำดีในการสลายไขมันในอาหาร สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือรักษาโรคอ้วน

8. ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
การอักเสบของสมองเป็นหนึ่งสาเหตุของความผิดปกติและนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์ ขมิ้นชันสามารถช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์สร้างขึ้นในสมองและปรับปรุงการไหลของออกซิเจน ที่ช่วยป้องกันหรือชะลอการลุกลามของโรคอัลไซเมอร์

9. เพิ่มการย่อยอาหาร
ส่วนประกอบที่สำคัญหลายๆชนิดในขมิ้นชันสามารถช่วยกระตุ้นถุงน้ำดีให้ผลิตน้ำดีซึ่งจะช่วยเพิ่มการย่อยอาหารและช่วยลดอาการท้องอืด แต่ผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับถุงน้ำดีควรงดทานขมิ้นชัน เนื่องจากจะทำให้ถุงน้ำดีทำงานหนักทำให้สุขภาพแย่ลง

10. ป้องกันโรคตับ
ขมิ้นชันสามารถช่วยขจัดสารพิษในตับ โดยการผลิต Vital Enzymes ขึ้นมาเพื่อไปทำลายสารพิษเหล่านั้น


ที่มา : http://www.fxdio.com/
Photo : thaiherbal.org,hurtigtslank.dk

เห็ด 5 ชนิด บำรุงร่างกาย ห่างไกลโรคร้าย


เชื่อว่าต้องมีหลายคนแน่ๆ ที่ชอบกินเห็ด ไม่ว่าจะเห็ดเข็มทอง เห็ดนางรม เห็ดหูหนู หรือจะเป็นเห็ดฟาง แล้วรู้หรือเปล่าล่ะ ว่าแต่ละเห็ดให้คุณประโยชน์อะไรแก่เราบ้าง บอกเลยว่าเห็ดแต่ละชนิด มีประโยชน์สุดๆ เรารวบรวมคุณประโยชน์ของเห็ด 5 ชนิดที่เราคุ้นเคยกันดีมาบอกให้รู้กัน




1. เห็ดฟาง
เห็ดฟางถือว่าเป็นเห็ดที่สามารถนำมาทำได้หลายเมนูเหลือเกิน เอาไปผัดก็อร่อย หรือทำต้มยำก็แซ่บถึงใจ แถมยังหาซื้อได้ง่าย เห็ดฟางน่าจะเป็นที่รู้จักและชื่นชอบอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ เห็ดฟาง มีคุณประโยชน์คือ ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงตับ แก้ช้ำใน นอกจากนั้นยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดความดันโลหิต ใครที่เป็นโรคเกี่ยวกับความดันควรทานเลยล่ะ 
2. เห็ดหอม
ใครที่เป็นคนจีนหรือมีเชื้อสายจีน คิดว่าน่าจะรู้จักเจ้าเห็ดชนิดนี้ดี เพราะคนจีนเชื่อว่า เห็ดหอม เป็นเหมือนยาอายุวัฒนะ ช่วยให้มีอายุยืนยาว จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้น้า แต่ที่แน่ๆ เห็ดหอม มีวิตามินดีสูง ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ลดคลอเรสเตอรอล ช่วยบำรุงกำลัง แถมยังช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารอีกด้วย ดีขนาดนี้ ต้องกลับไปลองแล้วล่ะ 
3. เห็ดหูหนู
เห็ดหูหนูอาจจะดูรูปร่างประหลาดๆ แต่สรรพคุณเหลือล้นเลยนะ ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร บำรุงปอด ไต ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลดอาการปวดด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น ปวดฟัน ตระคิวหรือริดสีดวงทวาร ผู้สูงอายุควรทานอย่างยิ่ง เพราะช่วยบำรุงเม็ดเลือดขาวให้แข็งแรง ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น 
4. เห็ดนางรม
เห็ดนางรม ที่เรารู้จักกันดี มีรูปร่างคล้ายพัด เจริญเติบโตออกมาเป็นช่อๆ สีขาวอมเทา มีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยลดการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหวัดได้ด้วยนะ แต่ที่สำคัญเลยคือ เจ้าเห็ดนางรมนี่สามารถช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ใครไม่อยากให้โรคมะเร็งถามหาละก็ หันมากินเห็ดนางรมกันเถอะ 
5. เห็ดเข็มทอง
เห็ดเข็มทอง ชื่อนี้ที่คุ้นเคย ด้วยลักษณะที่ไม่เหมือนเห็ดชนิดอื่น มีสีขาว หัวเล็กๆ ติดกันเป็นแพ คงเป็นเห็ดชนิดโปรดของใครหลายคนล่ะสิ มาดูสรรพคุณกันดีกว่า ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ช่วยบำรุงตับ ทำให้ตับแข็งแรง หากทานบ่อยๆ และยังช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเรื้อรังได้ด้วยนะ ใครเป็นโรคกระเพาะละก็ ควรหามาทานไว้เลย
รู้ถึงคุณประโยชน์ของเห็ดแต่ละชนิดกันไปแล้ว ก็อย่าลืมหันมาทานกันเยอะๆ นะ เพราะมันดีต่อสุขภาพของเราจริงๆ ขนมแพงๆ เรายังซื้อกินกันได้ เห็ดแค่ไม่กี่บาทเอง ได้ทั้งความอร่อย สุขภาพที่ดี ห่างไกลโรคร้ายแน่นอน
ที่มา : http://health.sanook.com/

10 ประโยชน์ดีๆ จาก “ดอกอัญชัญ”

ดอกอัญชัญนอกจากจะให้สีน้ำเงินสวย เพื่อนำมาประกอบอาหาร เช่น ขนมหวานของไทยเราแล้ว ดอกอัญชัญยังมีประโยชน์อีกมากมายที่คุณอาจยังไม่รู้ เพียงแค่น้ำคั้นสด หรือน้ำต้มดอกอัญชัญเท่านั้น ง่ายๆ อย่างนี้นี่ล่ะ แต่ให้ผลดีต่อสุขภาพมหาศาลเลยทีเดียว
10 ประโยชน์ดีๆ จาก “ดอกอัญชัญ”
1. บำรุงสายตา ป้องกันอาการตาฝ้าฟาง ตาแฉะ และป้องกันโรคต้อกระจก
2. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
3. เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
4. ขับปัสสาวะ และเป็นยาระบายอ่อนๆ
5. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านโรคมะเร็งได้
6. ชะลอริ้วรอย และดูแลผิวพรรณให้เต่งตึง กระชับ
7. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด
8. บำรุงผมให้เงางาม ดกดำ มักเป็นส่วนประกอบของยาสระผม หรือครีมบำรุงผม
9. ช่วยสลายลิ่มเลือด
10. ช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น
 วิธีทานก็ง่ายๆ คั้นสด ผสมน้ำดื่ม จะใส่น้ำผึ้ง หรือมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติลงไปบ้างก็ได้ แต่อย่าใส่น้ำตาลมากจนเกินไปนะคะ เพราะไม่อย่างนั้น แทนที่ดอกอัญชัญจะช่วยลดน้ำตาลในเลือด อาจกลายเป็นเพิ่มน้ำตาลในเลือดแทน ดื่มเย็นๆ ชื่นใจมากค่ะ หรือจะลวกจิ้มกับน้ำพริกก็ไม่เลวนะจะบอกให้

ที่มา : http://health.sanook.com/

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ระวัง! คุณกำลังเป็นโรค “หลงตัวเอง” อยู่หรือเปล่า

คุณอาจจะเคยเห็นคนที่มีนิสัย “หลงตัวเอง” มาบ้าง และอาจคิดว่ามันเป็นเพียง “นิสัย”ของเขาเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว การหลงตัวเองอาจไม่ได้เป็นแค่นิสัย เช่นเดียวกับนิสัยอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ที่อาจเป็นโรคไบโพลาร์ อาการ “หลงตัวเอง” ก็อาจเป็นโรคหลงตัวเองได้เช่นกัน

โรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder)
เป็นอาการทางจิตที่สนใจแต่ตัวเอง เห็นตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมรับในเหตุผล และคำพูดของคนอื่น ชอบเรียกร้องความสนใจของคนอื่น มีความสุขเมื่อคนอื่นให้ความสนใจตนเอง ไปจนถึงขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นตลอดจน ปฏิเสธคำพูดและเหตุผลของผู้อื่น

โดยชื่อของโรค มาจากชื่อของชายหนุ่มรูปงามตามตำนานของกรีกอย่าง นาร์ซีซัส ที่รูปร่างหน้าตาดีจนคนทั้งเมืองหลงรัก แต่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจจากพ่อแม่ และยังทำร้ายจิตใจของคนอื่นที่เข้ามาหลงรักตนเอง ทำให้โดยเทพแห่งความรักสาปให้หลงรักเงาน้ำของตัวเอง จนถอนตัวไม่ขึ้น และฆ่าตัวตายในที่สุด สุดท้ายก็กลายเป็นดอกที่มีชื่อว่านาร์ซีซัสเหมือนกัน
สาเหตุของโรคหลงตัวเอง

- ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ ทำผิดไม่เคยโดนดุโดนว่า ได้ในสิ่งที่อยากได้มาตลอด มีคนสนใจอยู่ตลอดเวลา

- ไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้ หรือมีคนยอมให้ชนะมาตลอดชีวิต

- ถูกเลี้ยงดูอย่างเคร่งครัด และเข้มงวดมากเกินไป

- ในทางกลับกัน อาจเติบโตในครอบครัวที่ไม่เคยดูแล ไม่เคยเหลียวแล จึงชอบที่เห็นเข้ามาสนใจ เข้ามาชื่นชม

- ถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่เป็นเด็ก ขาดเพื่อน ขาดคนเข้าใจ

- ถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ถูกปิดกั้นจากสังคม จนตัวเองต้องสร้างเกราะขึ้นมาปกป้องจิตใจอันบอบบางจากการทำร้ายจากคนอื่น ด้วยการให้กำลังใจตนเอง เพื่อชดเชยการขาดการยอมรับจากคนอื่น

- เป็นคนหน้าตาดี หรือเก่ง มีความสามารถ แล้วหลงว่าไม่มีใครหน้าตาดี หรือเก่งเท่าตนเอง
ลักษณะอาการของผู้เป็นโรคหลงตัวเอง

- ชอบเรียกร้องความสนใจโดยการแสดงด้านดีๆ ของตนเองให้ผู้อื่นเห็น เช่น ถ่ายรูปมุมสวยๆ หล่อๆ เรียกยอดไลค์ ในโลกโซเชียล อวดความสาใรถของตนเองให้ผู้อื่นเห็น แต่รู้สึกเหมือนได้รับความพ่ายแพ้ เมื่อมีใครได้รับความสนใจมากกว่า

- สำคัญตัวเองผิด เหตุผลของตัวเองดีกว่าคนอื่น เข้าใจว่าตัวเอง และความสามารถของตัวเองดีกว่าคนอื่นไปหมด

- เข้าใจว่าเฉพาะคนที่ดีมากๆ เก่งมาก หน้าตาดีมากเท่านั้นที่จะเข้าใจตัวเอง

- ชอบใช้ หรือวานให้คนอื่นทำอะไรให้ ไม่เคยช่วยเหลือคนอื่นที่ดูด้อยกว่าตนเอง

- จิตใจหยาบกระด้าง เย็นชา ไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร ไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

- ความคิด ทัศนคติ คำพูด และพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วย จะถือว่างี่เง่า ไม่ยอมรับ โดนปฏิเสธไปเสียหมด

- พร้อมที่จะยกตนข่มทุกคน พร้อมทั้งลบหลู่ ดูหมิ่นคนอื่น กล้าวหาว่าร้ายใส่คนอื่นได้โดยไม่รู้สึกผิด

- ชอบใช้คำพูดรุนแรง ถากถาง ทำร้ายจิตใจคนอื่น ด่าทอคนอื่นด้วยคำพูดแรงๆ

- โกหกได้หน้าตาเฉย แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้คนอื่นยอมรับ

- ปลอมตัวเป็นคนอื่น คนที่ดีกว่าตัวเอง เพื่อให้คนอื่นเข้ามาสนใจตัวเอง
วิธีรักษาจากโรคหลงตัวเอง

เนื่องจากเป็นอาการทางจิต ผู้ป่วยจึงต้องยอมรับตัวเองว่ามีความผิดปกติ พร้อมจะเปิดใจ และรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่มีอาการหลงตัวเองจะเป็นโรคหลงตัวเองไปเสียทุกคน ต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่ามีความผิดปกติมากถึงขั้นเป็นอาการทางจิตหรือไม่

เราคงจะเคยเห็นคนที่ปลอมตัวเป็นคนอื่นโดนเป็นเฟซบุ๊คปลอม หรืออินสตาแกรมปลอมมาแล้ว นอกจากนี้ยังอาจจะเคยพบเจอคนที่ยอมโกหกทุกเรื่องราวในชีวิต สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง เพื่อที่จะปกปิดเรื่องราวในชีวิตของตนเองจริงๆ ขอให้ทราบเอาไว้ว่าคนเหล่านี้มีความเป็นไปได้ว่าจะมีอาการทางจิตที่เรียกว่า โรคหลงตัวเอง ดังนั้นหากพบว่าตัวเอง หรือคนรอบข้างมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ รีบพบแพทย์อย่างเร็วที่สุด ก่อนที่จะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นนะคะ

ที่มา : http://health.sanook.com/

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

“มันเทศ” ลดอัตราเสี่ยงมะเร็งลำไส้

มันเทศ ร้อนๆ จากเตา นอกจากจะให้คุณค่ามากด้วยเส้นใยแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดอัตราเสี่ยงมะเร็งลำไส้ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้ใบยังมีสารเบต้าแคโรทีนสูงมาก ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดน้ำตาล ขับระบายพิษ บำรุงสายตา โดยการกินใบมีหลายอย่างเช่น กินสดคู่กับน้ำพริก หรือนำมาผัดน้ำมันหอย หรือเมนูอื่นตามชอบ


วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ประเภทของโซ่โฟล์คลิฟท์

โซ่สำหรับรถโฟล์คลิฟท์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่....

1. แบบ LEAF CHAIN ( แบบใบ )
ในหนึ่งข้อโซ่ประกอบด้วยแผ่นเพลตหลายแผ่น เนื่องจากโซ่ชนิดนี้เป็นโซ่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้ในงานรถ Forklift และลิฟท์โดยสาร



2. แบบ ROLLER CHAIN ( ลักษณะเดียวกับโซ่มอเตอร์ไซด์ )


โดยแบ่งลักษณะการใช้งานออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้....
AL = Standard Weight การใช้ทั่วไป
BL = Heavy Weight การใช้งานหนัก
*    = Light Weight การใช้งานเบา

การตรวจเช็คงาโฟล์คลิฟท์


สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับเสารถยกก็คือ งารถยก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกับเสารถยก สำหรับยกสินค้า ต่างๆ งารถยก เป็นอุปกรณ์ที่อันตรายต้องระมัดระวังการใช้งาน และการบังคับ ซึ่งงารถยกนี้ จะมีอยู่หลายประเภท และควรเลือกใช้งารถยกให้เหมาะสมกับงาน

ก่อนเริ่มปฏิบัติงานควรตรวจสอบสภาพของารถยก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผิดปกติ ดังนี้
- บิดงอ
- รอยร้าว 
- ความหนาของงา

งาของรถยกเป็นส่วนที่สึกกร่อนได้ง่าย เนื่องจากมีการขัดสีกับพื้นคอนกรีต ชั้นวางของเหล็ก เป็นต้น ซึ่งการขัดสีนั้นสามารถไปลดความหนาของงาจนไม่สามารถยกของได้ตามน้ำหนัก งารถยกสามารถคดงอผิดรูปร่างได้ แต่ก็สามารถดัดกลับได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงานั้นคดงอไปมากน้อยเพียงใด และควรส่งให้ผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย เป็นผู้ดำเนินการ